ก้าวย่างสู่อนาคตไปทีละภาพ
ความรักที่Jakkarin Moolmanus มีให้กับทุกอย่างที่เป็นบันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์หรือไซไฟคือตัวกระตุ้นที่ทำให้เขาทำได้ดีเป็นพิเศษกับการสร้างสรรค์ภาพในธีมไซเบอร์พังก์อันมืดหม่นที่ทำให้ผู้ชมได้มองเห็นถึงอนาคตตามปกติแล้วJakkarin ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อJkrnn (@jkrnn)มักนำองค์ประกอบร่วมสมัยมากมายมาใช้ในภาพไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ของเมืองสะพานไฟนีออนและแฟชั่นสไตล์คนเมืองด้วยการใช้เทคนิคการถ่ายภาพหลากหลายแบบผลงานของJakkarin จึงดูเกินจริงอย่างเห็นได้ชัดและให้ความรู้สึกล้ำแบบสุดๆ
สำหรับโปรเจกต์การถ่ายภาพบุคคลอย่างสร้างสรรค์ของเขาเขาเลือกใช้บรรยากาศมืดมนและแสงเลเซอร์ที่จะซอกซอนลึกเพื่อมอบประสบการณ์จินตภาพแบบโพสต์โมเดิร์น "จุดที่ผมชอบมากที่สุดของธีมไซเบอร์พังก์คือความน่าสะพรึงและลักษณะเฉพาะของมันเองที่จะดึงผู้ชมออกจากโลกแห่งความจริงเพื่อเข้าสู่อีกภพภูมิหนึ่งที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงนี่คือสิ่งที่ผมหวังจะสื่อมันออกไปผ่านผลงานของผมครับ" เขากล่าวเราติดต่อJakkarin เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการสร้างสรรค์ที่นำเอามุมมองโลกอนาคตของเขามานำเสนอผ่านภาพถ่ายบุคคลได้อย่างมีชีวิตชีวา
ไม่มีจักรกลข้ามเวลามีแค่การตั้งค่าที่เหมาะสม
Jakkarin มีความคุ้นเคยกับหัวข้อนี้ดีอยู่แล้วเขาจึงใช้เวลาเพียงไม่นานในการเตรียมฉาก "หนึ่งในข้อดีของการเป็นแฟนตัวยงของไซเบอร์พังก์คือทำให้ผมมีความคิดเอาไว้แล้วว่านางแบบควรมีลุคแบบใดสวมชุดแบบไหนและโพสท่าอย่างไรจากนั้นก็เหลือแค่การหาสถานที่และอุปกรณ์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพในครั้งนี้ครับ" เขาบอก
ในส่วนของสถานที่ถ่ายทำJakkarin เลือกโกดังร้างแห่งหนึ่งเนื่องจากสถานที่นี้เน้นให้เห็นถึงรูปลักษณ์อันทรุดโทรมที่เป็นจุดเด่นของไซเบอร์พังก์ "สำหรับผมโกดังนี้ช่วยถ่ายทอดบรรยากาศของความอ้างว้างโดดเดี่ยวซึ่งมักมีการนำเสนอในสื่อเกี่ยวกับไซเบอร์พังก์อยู่บ่อยๆแล้วยังไม่มีสิ่งรบกวนที่จะดึงความสนใจจนอาจทำลายช็อตดีๆไปอย่างสิ้นเชิง" เขากล่าว
เลเซอร์คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สร้างสีสันให้กับฉาก "เมื่อดูภาพยนตร์เรื่อง ‘Ghost In The Shell’ ที่พูดถึงไซบอร์กผู้หญิงในโลกอนาคตแบบดิสโทเปียทำให้ผมเกิดความคิดว่าจะใช้สีน้ำเงินมืดและสีแดงกับภาพถ่ายบุคคลของผมดังนั้นผมเลยเอาเครื่องฉายเลเซอร์ที่มักใช้ในงานสำรวจหรืองานก่อสร้างมาใช้ในแต่ละฉากผมมักปรับตำแหน่งของอุปกรณ์ใหม่เพื่อให้มันดูโดดเด่นต่างจากอีกฉากเสมอนอกจากนี้ผมยังเพิ่มหลอดLED และเครื่องทำควันเพื่อเสริมความสมบูรณ์แบบให้กับเลเซอร์และทำให้บรรยากาศของภาพดูลึกลับด้วยครับ" Jakkarin กล่าว
Alpha 7 IV คือกล้องที่เขาเลือกใช้เพราะทำให้เขาสามารถเลือกพรีเซ็ตต่างๆมากมายในcreative look เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ของภาพตามที่ต้องการได้อย่างอิสระ "ผมใช้การตั้งค่าVV2 ที่ช่วยเสริมทั้งเอฟเฟกต์ส่วนสว่างและคอนทราสต์ส่วนมืดทำให้ได้ภาพลักษณ์แบบไซไฟที่สวยงาม" Jakkarin กล่าว
เพิ่มความสว่างให้กับรอยต่อ
หนึ่งในความท้าทายหลักที่Jakkarin ต้องเจอระหว่างการถ่ายภาพชุดนี้คือการทำให้แน่ใจว่าเลเซอร์จะไม่เป็นอันตรายทั้งต่อตัวเขาเองและนางแบบ "นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมใช้เลเซอร์ในโปรเจกต์การถ่ายภาพผมจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้มีอุบัติเหตุร้ายแรงใดๆเกิดขึ้นได้ในขั้นตอนการถ่ายภาพล่วงหน้าก่อนถ่ายจริงผมจะใช้เวลานานกว่าปกติเพื่อกำหนดตำแหน่งที่ดีที่สุดให้กับเครื่องฉายแต่ละเครื่องเพื่อที่เลเซอร์จะได้สะท้อนเฉพาะใบหน้าและลำตัวช่วงบนของนางแบบและผมยังมีมาตรการเสริมนั่นคือการทดลองถ่ายภาพเพื่อดูว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นหรือไม่รวมทั้งเพื่อหามุมใหม่ๆที่นำเสนอตัวแบบได้ดีขึ้นด้วยครับ" เขากล่าว
นอกจากนี้Jakkarin ยังต้องปรับสมดุลองค์ประกอบของแสงด้วยเพื่อให้สื่ออารมณ์ได้อย่างถูกต้อง "ผมใช้หลอดไฟLED สองหลอดเป็นแสงหลักและแสงขอบที่ช่วยเสริมธีมไซเบอร์พังก์ให้เด่นชัดขึ้นและยังติดตั้งหลอดไฟอีกสองหลอดไว้ด้านหลังนางแบบเพื่อให้เธอโดดเด่นออกมาจากฉากหลังที่เป็นสีมืดในบางฉากผมจงใจเอาแสงหลักออกไปเพื่อให้แสงเลเซอร์จัดจ้ายิ่งขึ้น" เขาบอก
สำหรับJakkarin แล้วแรงบันดาลใจเป็นเสมือนเข็มทิศที่นำทางช่างภาพเพื่อถ่ายทอดภาพของโลกผ่านสายตาของพวกเขา "สำหรับช่างภาพมือใหม่ผมแนะนำให้ใช้อาหารดนตรีหรืองานอดิเรกที่คุณชื่นชอบเป็นจุดเริ่มต้นดูก่อนนะครับวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างจริงใจและยังช่วยขัดเกลาทักษะของพวกเขาได้ด้วยครับยิ่งใช้เวลามากขึ้นในการเรียนรู้งานพวกเขาจะยิ่งถ่ายทอดตัวแบบอื่นๆได้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ" เขากล่าว